ข้อความ




มาตรฐานเว็บนักศึกษา

1.ตั้งชื่อเว็บโดยขึ้นต้นด้วย IL254คาบเรียน-ชื่อจริง (ภาษาอังกฤษ)
2.เมนูด้านข้างต้องประกอบด้วย Gadget ต่อไปนี้ คือ ข้อความแนะนำตัว, ลิงก์ และป้ายกำกับ โดยให้ข้อความแนะนำตัวขึ้นเป็นรายการแรก
3.ภายใต้ Gadget ลิงก์ ให้มีลิงก์ของเว็บต่อไปนี้ คือ
เว็บอาจารย์, Mediafire,GooleDocs, Ckassmarker
4.แก้ไขโปรไฟล์โดยการใส่ภาพถ่าย
5.ห้ามโพสต์ภาพและข้อความที่ไม่เหมาะสม
6.การ Copy ภาพและข้อความจากเว็บอื่น ให้ระบุที่มาและ Copy ลิงก์ของเว็บต้นแหล่งมาไว้ให้ทราบด้วย

(คาบเรียน MM MA)















วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โครงเรื่อง

1.บทนำ
   1.1 ประวัติความเป็นมาของชาเขียว

       ประวัติชาเขียวชามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนกว่า 4,000 ปีมีแล้ว กล่าวคือเมื่อ 2,737 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาได้ถูกค้นพบโดยจักรพรรดินามว่า เสินหนง ซึ่งเป็นบัณฑิตและนักสมุนไพร ผู้รักความสะอาดเป็นอย่างมาก ดื่มเฉพาะน้ำต้มสุกเท่านั้น วันหนึ่งขณะที่เสินหนงกำลังพักผ่อนอยู่ใต้ต้นชาในป่า และกำลังต้มน้ำอยู่นั้น ปรากฏว่าลมได้โบกกิ่งไม้ เป็นเหตุให้ใบชาร่วงหล่นลงในน้ำซึ่งใกล้เดือดพอดี เมื่อเขาลองดื่มก็เกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ชาเขียวถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆในช่วงศตวรรษต่างๆดังนี้


ช่วงศตวรรษที่ 3
       ชาเป็นยา เป็นเครื่องบำรุงกำลังที่ได้รับความนิยมมากในช่วงศตวรรษที่3ชาวบ้านก็เริ่มหันมาปลูกชากันและพัฒนาขั้นตอนการผลิตมาเรื่อยๆ

ช่วงศตวรรษที่ 4 และ 5
       ชาในประเทศจีนได้รับความนิยมมากขึ้นและได้ผลิตชาในรูปของการอัดเป็นแผ่นคือ การนำใบชามานึ่งก่อน แล้วก็นำมา กระแทก ในสมัยนี้ได้นำน้ำชาถึงมาถวายเป็นของขวัญแด่พระจักรพรรดิ

สมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 - 906
       ถือเป็นยุคทองของชา ชาไม่ได้ดื่ม เพื่อเป็นยาบำรุงกำลังอย่างเดียว แต่มีการดื่มเป็นประจำทุกวัน เป็นเครื่องมือเพื่อสุขภาพ

สมัยราชวงศ์ซ้อง (ค.ศ. 960 - 1279
       ชาได้เติมเครื่องเทศแบบใน สมัยราชวงศ์ถังแต่จะเพิ่มรสบางๆ เช่น น้ำมันจากดอกมะลิ ดอกบัว และดอกเบญจมาศ


สมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368 - 1644)
       ชาที่ปลูกในจีนทั้งหมดเป็นชาเขียว สมัยนั้นกระบวนการผลิตชาได้พัฒนาขึ้นไปอีก ไม่อัดเป็นแผ่น แต่มี การรวบรวมใบชา นำมานึ่ง และอบแห้ง ซึ่งจะเก็บได้ไม่ดีนัก สูญเสียกลิ่นได้ ง่าย และรสชาติไม่ดี ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีการค้าขายกับชาวยุโรป การผลิตเพื่อจะรักษาคุณภาพชาให้นานขึ้น โดยได้คิดค้นกระบวนการที่ เราเรียกว่า การหมัก เมื่อหมักแล้วก็จะนำไปอบ ซึ่งก็เป็นที่มาของชาอูหลง และชาดำ ในประเทศจีน มีการแต่งกลิ่นด้วย โดยเฉพาะกลิ่นดอกไม้
   1.2 ประวัติความเป็นมาวิธีการชงชา
       ชาวจีนดื่มชาโดยมีประวัติการดื่มชามากว่า 4000 ปีแล้ว ชาเป็นเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของชาวจีน สิ่งของ 7 อย่างในชีวิตประจำวันของคนจีนคือไม้ ข้าว น้ำมัน เกลือ ซียิ้วน้ำส้มและชา  เห็นได้ว่าชามีความสำคัญมากสำหรับชาวจีน การเลี้ยงน้ำชาเป็นประเพณีของชาวจีน พอมีแขกมาเยี่ยมที่บ้าน เจ้าของบ้านก็จะรีบชงชาที่มีกลิ่นหอมทันที ดื่มชาไปพลางคุยกันไปพลาง ซึ่งเป็นบรรยากาศสบาย ๆ
       ประเพณีดื่มชาในจีนมีประวัติยาวนาน เล่ากันว่า  ปี 280 ก่อนคริสต์ศักราช ทางภาคใต้ของจีนมีก๊กเล็กชื่อ หวูกั๋ว กษัตริย์ของก๊กนี้โปรดจัดงานเลี้ยงขุนนาง และดื่มเหล้ากันจนเมาไปหมด แต่มีขุนนางคนหนึ่งชื่อเหว่ยจาวดื่มเหล้าไม่เก่ง กษัตริย์ก็เลยโปรดให้เขาดื่มชาแทนเหล้า หลังจากนั้น ปัญญาชนก็เริ่มใช้ชาเลี้ยงแขก จนถึงสมัยราชวงศ์ถัง การดื่มชาได้กลายเป็นความเคยชินของชาวจีน เล่ากันว่า ประเพณีนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ ประมาณปีค.ศ 713 – 741 ในพุทธศาสนานิกายเซนของจีน พระสงฆ์และศาสนิกในวัดต้องนั่งเข้าฌานเป็นเวลานาน บางครั้งรู้สึกง่วงและอยากกินของเล่น เจ้าอาวาสก็คิดวิธีให้ดื่มชา ทำให้ประสาทดื่น หลังจากนั้น วิธีนี้ก็ได้เผยแพร่ไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ  ในช่วงเวลาเดียวกัน ในสมัยราชวงศ์ถัง ตามบ้านเศรษฐียังมีการจัดห้องต้มน้ำชา ชิมชาและอ่านหนังสือโดยเฉพาะ
ปีค.ศ 780 นายลู่อวี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านใบชาของถังได้รวบรวมประสบการณ์การปลูกชา ผลิตใบและดื่มชา และได้เขียนตำราชาซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับชาเล่มแรกของจีน ในสมัยราชวงศ์ซ่ง ฮ่องเต้ ซ่งฮุยจง ชอบจัดงานเลี้ยงน้ำชาขุนนางผู้ใหญ่ และทรงต้มน้ำชาเอง ในพระราชวังหลวงของสมัยราชวงศ์ถัง ยังจัดงานน้ำชาเลี้ยงทูตานุทูตต่างประเทศ ปัจจุบันในวันเทศกาลเช่นวันขึ้นปีใหม่หรือวันตรุษจีน หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ของจีนส่วนมากจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาสัมมนา
ในจีน ชาได้กลายเป็นวัฒนธรรมพิเศษชนิดหนึ่งแล้ว ผู้คนถือการต้มน้ำชาและการชิมชาเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ท้องถิ่นต่าง ๆ ของจีนมีโรงน้ำชาหรือร้านน้ำชามากมาย ที่ถนนเฉียนเหมินซึ่งเป็นย่านคึกคักของกรุงปักกิ่งก็มีร้านน้ำชาโดยเฉพาะ ผู้คนสามารถดื่มชา กินอาหารพื้นเมืองและชมการแสดงต่าง ๆ เป็นวิธีพักผ่อนที่สบาย ในทางภาคใต้ของจีน นอกจากมีร้านน้ำชาและโรงน้ำชาแล้ว ยังมีเพิงน้ำชากลางแจ้ง ส่วนมากจะสร้างตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ นักท่องเที่ยวจะนั่งดื่มชาและชมวิวไปด้วย
 ถ้ากล่าวถึงความเคยชินในการดื่มชา ทุกที่จะไม่ค่อยเหมือนกัน เช่น ชาวปักกิ่งชอบชามะลิ ชาวเซี่ยงไฮ้ชอบชาเขียว ชาวฮกเกี้ยนที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนชอบชาแดง ในท้องถิ่นบางแห่ง ผู้คนชอบใส่เครื่องปรุงรสในน้ำชา มณฑลหูหนานทางภาคใต้ของจีนจะเลี้ยงแขกด้วยชาขิงเกลือ คือนอกจากมีใบชาแล้ว ยังมีเกลือ ขิง ถั่วเหลืองผักสุกและเมล็ดงา เทใส่ในแก้วทั้งหมดและชงน้ำแช่ไว้ ดื่มน้ำชาก่อน สุดท้ายจึงเทถั่วเหลือง เมล็ดงา ขิงและใบชาเข้าปาก ค่อย ๆ เคี้ยวจนได้กลิ่นหอม ดังนั้นท้องถิ่นบางแห่งจึงเรียกว่ากินชา
วิธีชงชาของท้องถิ่นต่าง ๆ ก็ไม่เหมือนกัน เช่นทางภาคตะวันออกของจีนส่วนมากจะใช้กาใหญ่ พอมีแขกเข้าบ้าน ก็ใส่ใบชาในกาและเทน้ำร้อนใส่ลงไป แช่ไว้จนได้กลิ่นและสีชาแล้วจึงรินใส่แก้วให้แขกดื่ม บางท้องถิ่นของจีนเช่นเมืองจางโจวของมณฑลฮกเกี้ยนจะมี กังฮูเต๊ มีเครื่องถ้วยชากาชาเป็นชุดและมีวิธีการชงชาที่พิเศษ จึงกลายเป็นศิลปชาที่มีเอกลักษณ์ของพื้นเมือง
ในท้องถิ่นบางแห่งของจีน มารยาทการดื่มชาก็ไม่เหมือนกัน ที่กรุงปักกิ่ง พอเจ้าของบ้านยกถ้วยน้ำชามาให้ แขกต้องลุกขึ้นทันที เอาสองมือรับไว้และขอบคุณด้วย ในทางภาคใต้ของจีนเช่นมณฑลกวางตุ้ง มณฑลกวางสีเป็นต้น พอเจ้าของบ้านยกชามาให้ แขกตั้องใช้นิ้วกลางขวามือเคาะโต๊ะเบา ๆ สามครั้ง เพื่อแสดงความขอบคุณ ในบางท้องถิ่น ถ้าแขกอยากจะดื่มชาต่อ ก็ควรเหลือน้ำชาสักเล็กน้อยไว้ในถ้วย เจ้าของบ้านเห็นแล้วก็จะรินชาเติมให้ ถ้าดื่มน้ำชาในถ้วยจนหมด เจ้าของบ้านก็จะคิดว่าแขกไม่อยากดื่มอีก ก็จะไม่เติมน้ำชาให้อีกแล้ว

2. ขั้นตอนของการชงชา
   2.1 อุปกรณ์
       1. ช้อนตักใบชา
         2. ที่เขี่ยใบชา ใช้สำหรับเขี่ยใบชาในป้านชาออก เมื่อจะเปลี่ยนชาใหม่
       3. คีมคีบ ใช้คีบจอกชา ตอนลวกจอก ป้องกันไม่ใช้ถูกน้ำร้อนลวกมือ
         4. ไม้ปลายแหลม สำหรับเอาไว้สวนเข้าไปในพวยกา เวลามีเศษใบชาติดอยู่ ซึ่งทำให้เวลาเทชาไหลออกมาไม่สะดวก
       5. กรวย อันนี้สำหรับ ใช้วางบนปากของป้านชา เวลาตักชาใส่ป้านเพื่อไม่ให้หหล่นกระจัดกระจาย


   2.2 วิธีการชงชา
  
       1.ใส่ใบชาในกาชาประมาณ 1/6 -1/4
       2.รินน้ำเดือดลงในกาชาครึ่งหนึ่ง เททิ้งทันที (ไม่ควรเกิน 5 วินาที) เพื่อล้าง และอุ่นใบชาให้ตื่นตัว
       3.รินน้ำเดือดลงในกาชาจนเต็ม ปิดฝากา ทิ้งไว้ประมาณ 45 - 60 วินาที
       4.รินน้ำชาลงในแก้วดื่ม (การรินแต่ละครั้ง ต้องรินน้ำให้หมดกา มิฉะนั้น จะทำให้น้ำชาที่เหลือมีรสขม ฝาดมากขึ้น เสียรสชาติ) ใบชาสามารถชงได้ 4 - 6 ครั้ง หรือจนกว่ากลิ่นชาจะหายหอมไป และในการชงแต่ละครั้ง ให้เพิ่มเวลาครั้งละ 10 - 15 วินาที
การชงชาให้ได้รสชาติดี มีข้อสำคัญ 4 ประการ คือ
       1.ปริมาณใบชา จะใช้ใบชาเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะของใบชา เช่น ชาที่มีรูปกลมแน่น กลมกลวม หรือเป็นเส้น ถ้าใช้ใบชาที่มีลักษณะกลมแน่น จะใช้ชาประมาณ 25 % ของกาชา ใบชาเมื่อแช่อยู่ในน้ำร้อน จะเริ่มคลี่ตัวออกทีละน้อย จนเป็นใบชัดเจน ถ้าใส่มากเกินไป จะทำให้การคลาย ตัวไม่สะดวก ซึ่งรสชาติที่ชงออกมาจะไม่ได้ตามมาตรฐานของชานั้นๆ และ การเสียของใบชา เมื่อคลายตัวออกมาเต็มที่ ควรจะมีปริมาณประมาณ 90% ของกาชา
       2.อุณหภูมิน้ำ น้ำที่ชงชาไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเดือด 100 องศาเซลเซียส แต่ต้องดูว่าจะชงชาประเภทใด เช่น อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียสขึ้นไป เหมาะสำหรับชงชาที่ทรงแน่นกลม อุณหภูมิ 80 - 90 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับชาที่มีรูปร่างบอบบาง แตกหักง่าย หรือชาที่มีใบอ่อนมาก อุณหภูมิต่ำกว่า 80 องศาเซลเซียส ใช้ชงกับชาเขียวทั่วๆไป
       3.เวลา การใช้เวลานานหรือไม่นานนั้น จะบอกได้ว่า น้ำชาจะอ่อนหรือ แก่ โดยปกติประเภทกลมแน่น จะใช้เวลาในครั้งแรกประมาณ 40 - 60 วินาที ครั้งต่อๆไป เพิ่มอีกครั้งละ 10 - 15 วินาที/ครั้ง
       4.กาชา กาที่ใช้ควรเป็นกาที่ทำจากดินเผา กาดินเผาจะเก็บความร้อน ได้ดีกว่า และให้การตอบสนองที่ดีกว่ากาที่ทำจากวัสดุอื่น

  3. สรรพคุณของชาเขียว
   3.1 ประโยชน์ของชาเขียว
    1.ทำความสะอาดพรม นอกจากใบชาแห้งจะเป็นยาดับกลิ่นได้ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติต่อต้านหรือหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย ก่อนทำความสะอาดพรมด้วยเครื่องดูดฝุ่น ให้โปรยใบชาแห้งบนพรม ให้ทั่วทิ้งไว้สักครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงดูดฝุ่นรวมทั้งใบชาทั้งหมด กลิ่นหอมสะอาดของใบชาเขียวจะช่วยทำให้ห้องสดชื่น รวมทั้งทำความสะอาดพรมด้วย

    2.ทำความสะอาดเครื่องครัว เราสามารถใช้กากชาเขียวดับกลิ่นคาวต่าง ๆ ได้ โดยหลังจากใช้เขียงประกอบอาหารแล้ว ให้นำไปล้างน้ำ หลังจากนั้นเกลี่ยใบชาเปียกให้ทั่วเขียง ทิ้งไว้สักพักใหญ่แล้วจึงใช้ใบชาขัดถูเขียงให้ทั่ว และล้างออกด้วยน้ำสะอาด น้ำชาต้มก็สามารถนำมาใช้ล้างทำความสะอาดเขียงและอุปกรณ์เครื่องครัวอื่น ๆ ได้เช่นกัน

    3.ป้องกันสนิม ใช้ใบชาขัดถูหม้อ หรือกะทะเหล็กป้องกันสนิมได้ สารแทนนิน (tannin) ในใบชาจะจับตัวกับเหล็กและสร้างสารเคลือบบาง ๆ บนพื้นผิวหม้อหรือกะทะเพื่อป้องกันสนิม

    4.น้ำยาบ้วนปาก กลั้วปากด้วยชาเขียวช่วยทำให้ลมหายใจหอมสดชื่น และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในปาก สารฟลูออรีนในชาเขียวช่วยทำให้ฟันแข็งแรง ป้องกันฟันผุและเหงือกอักเสบ ไม่จำเป็นต้องใช้ชาเขียวชงครั้งแรกกลั้วปาก ดื่มชาให้ชื่นใจก่อน หลังจากนั้นคุณสามารถใช้ชาเขียวชงครั้งที่สามหรือสี่ได้

    5.ประคบดวงตาให้สดใส นำถุงชาที่เปียกและเย็น ทั้งที่ใช้แล้วหรือถุงชาเก่าที่ไม่ได้ใช้ วางบนเปลือกตาจะช่วยคลายความเมื่อยล้าและทำให้ดวงตาสดใส

    6.ผสมน้ำอาบ นำถุงชาใช้แล้วหรือใบชาใส่ถุงผ้าฝ้ายบาง ๆ มัดให้แน่นแช่ทิ้งไว้ในอ่างอาบน้ำอุ่น น้ำอุ่นผสมน้ำชาจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่น

    7.หมอนใบชา กลิ่นหอมบาง ๆ จากใบชาจะช่วยให้เราหลับสบายขึ้น การดูแลรักษาทำได้ง่ายโดยนำหมอนที่ทำจากใบชาออกตากในที่ร่ม เพื่อระบายอากาศเป็นประจำ สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง

    8.เป็นเครื่องหอม นำใบชามาเผาเป็นเครื่องหอมจะให้กลิ่นหอมมาก

    9.ยาดับกลิ่นในตู้เย็น ให้นำถุงผ้าฝ้ายบ้าง ๆ บรรจุใบชาหรือถุงชาใช้แล้วใส่ไว้ในตู้เย็น สามารถขจัดกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนาในตู้เย็นได้

          10.ปุ๋ย ให้นำกากชาไปใส่ที่กระถางต้นไม้ ใช้เป็นปุ๋ยแทนได้

   3.2 โทษของชาเขียว
  1. ในผู้ป่วยที่เป็นโรคไทรอยด์ จะมีอาการกระสับกระส่าย ใจเต้นเร็ว มือสั่นอยู่แล้ว การดื่มชาจะทำให้มีอาการเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น
  2. หญิงมีครรภ์ ควรงดดื่มเพราะจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์
  3. ในรายที่เป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรงดดื่มชา เพราะกาเฟอีนจะทำให้หัวใจทำงานไม่ปกติ คือเต้นเร็วขึ้น (หากชอบดื่มชา ก็อาจเลือกชาชนิดที่สกัดกาเฟอีนออกแล้วก็ได้)
  4. คนที่เป็นโคกระเพาะอาหารอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา เพราะชาจะกระตู้นให้ผนังกระเพราะอาหารหลั่งน้ำย่อยซึ่งมีสภาวะเป็นกรดมามากกว่าปกติ ทำให้อาการอักเสบยิ่งรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามในกรณีที่เป็นโรคกระเพาะแต่เลิกดื่มชาไม่ได้ การเติมนมก็มีประโยชน์ เพราะนมยับยั้งแทนนินไม่ให้ออกฤทธิ์กระตุ้นน้ำย่อยในกระเพราะอาหาร
  5. การดื่มชาแทนอาหารเช้าจะทำให้ ร่างกายขาดสารอาหาร จึงควรเติมนมหรือน้ำตาลอาจเพิ่มเพิ่มคุณค่าได้บ้าง และควรกินอาหารชนิดอื่นร่วมด้วย
  6. การดื่มชาในปริมาณที่เข้มข้นมากๆจะทำให้เกิดอาการท้องผูก และนอนไม่หลับ
  7. ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัดมากๆเพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร ระคายเคืองต่อเซลล์ จะทำให้เกิดโรคมะเร็งสูง
  8. การดื่มชาเขียวในปริมาณสูงอาจมีผลในการลดการดูดซึมวิตามิน B1 และ ธาตุเหล็กได้
  9. ในกรณีที่ดื่มชาเพื่อต้องการเสริมสุขภาพและป้องกันมะเร็ง การเติมนมในชาก็ไม่ได้ผล เพราะฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเกิดจากสารแทนนิน แต่การเติมนมลงไปนมจะไปจับกับสารแทนนิน ไม่ให้ออกฤทธิ์
       แม้จะมีการวิจัยต่างๆ มากมายที่ระบุว่าสาร EGCG[5] ในคาเทซินซึ่งมีอยู่ในชาจะสามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งได้ถึง 50% แต่การทดลองบางแห่งหนึ่งก็พบว่าการ EGCG เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็งในสัตว์อีกชนิดหนึ่ง เพราะความสลับซับซ้อนของเอมไซม์และฮอร์โมนของสัตว์ที่แตกต่างกัน ฉะนั้นการดื่มชาเพื่อสุขภาพที่แท้จริงจึงควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี


   4.3 การรักษาโรค

ชาเขียวกับประสิทธิภาพในการรักษาโรคมีด้วยกันทั้งหมด 15 วิธี คือ
 1.การใช้ชาเขียวร่วมกับใบหม่อน ที่ช่วยป้องกันโรคหวัด ลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
2.การใช้ชาเขียวกับส่วนหัวของต้นหอม จะช่วยขับเหงื่อ แก้ไข้หวัด
3.การใช้ชาเขียวร่วมกับขิงสด ช่วยรักษาอาการอาหารเป็นพิษและจุกลม ช่วยต่อต้านมะเร็งตับ
4.การใช้ชาเขียวร่วมกับตะไคร้แห้งจะช่วยขับไขมันในเส้นเลือด
5.การใช้ชาเขียวร่วมกับคึ่นฉ่ายจะช่วยในการลดความดันโลหิต
6.การใช้ชาเขียวร่วมกับไส้หมาก ลดน้ำตาลในเส้นเลือด
7.การใช้ชาเขียวร่วมกับดอกเก๊กฮวยสีเหลือง จะช่วยแก้วิงเวียนศีรษะ ตาลาย
8.การใช้ชาเขียวร่วมกับลูกเดือย จะลดอาการบวมน้ำ ตกขาว และมดลูกอักเสบ
9.การใช้ชาเขียวร่วมกับเม็ดเก๋ากี้ จะช่วยลดความอ้วน แก้ตาฟาง
10.การใช้ชาเขียวร่วมกับโสมอเมริกา ทำให้สดชื่น บำรุงหัวใจ แก้คอแห้ง
11.การใช้ชาเขียวร่วมกับเนื้อลำไยแห้ง จะบำรุงสมอง เสริมความจำ
12.การใช้ชาเขียวร่วมกับบ๊วยเค็ม จะช่วยบรรเทาอาการคอแห้ง แสบคอ เสียงแหบ
13.การใช้ชาเขียวร่วมกับหนวดข้าวโพด จะลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเส้นเลือด ลดอาการบวมน้ำ
14.การใช้ชาเขียวร่วมกับน้ำตาลกลูโคส จะช่วยบรรเทาอาการตับอักเสบ
15.การใช้ชาเขียวร่วมกับเม็ดบัว จะช่วยบรรเทาอาการฝันเปียก และยับยั้งการหลั่งเร็ว


4. สรุป

       ประเทศจีน เป็นแหล่งผลิตดั้งเดิมของใบชา เป็นดินแดนเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งบนพื้นโลกที่ค้นพบ และใช้ประโยชน์จากใบชา ในสมัยโบราณ คนเริ่มเก็บรวบรวมใบชาป่ามาทำยา ภายหลังจึงทำเป็นเครื่องดื่ม แล้วค่อย ๆ ศึกษาการปลูกต้นชา ในสมัยราชวงศ์ ฉิน ถึง ราชวงศ์ ฮั่น การปลูกชาเริ่มกระทำตามแนว มณฑล เสฉวน ถึง มณฑล ยูนนาน ถึงสมัย ราชวงศ์ ถัง การปลูกชา ได้กระจายไปในมณฑลต่าง ๆ กว่า 10 มณฑล ตามลุ่มแม่น้ำ แยงซีเกียง ( ฉางเจียง )
ในการดำเนินการระยะยาว ผู้คนยิ่งมีประสบการณ์ทั้งการปลูก การผลิต การเก็บรักษา และ การดื่ม กว้างขวางยิ่งขึ้น มีการบันทึกเป็นหนังสือ และที่มีชื่อเสียงมากฉบับหนึ่งในสมัย ราชวงศ์ ถัง เมื่อ ปี ค.ศ. 780 โดยผู้เขียน ลู่ ยวี่ คือหนังสือที่สมบูรณ์ที่สุดฉบับหนึ่ง ชื่อ ฉาจิง

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

การเขียนอ้างอิงบรรณานุกรม

ไอแซคสัน, วอลเตอร์.  (2554).  สตีฟ จ๊อบส์.  (นุชนาฏ เนตรประเสริฐศรี, วิริยา สังขนิยม, วิโรจน์ รุจิจนกุล, อรยา เอี่ยมชื่น, & ณงลักษณ์ จารุวัฒน์, ผู้แปล). [ม.ป.ท.]: เนชั่นบุ๊คส์.

พิพัฒน์  ชูวรเวช.  (2546).  ตำนานแสตมป์ไทยสำหรับนักสะสม.  [ม.ป.ท.: ม.ป.พ.]. 


ชฟเฟอร์,  โบโด.  (ม.ป.ป.).  หมาน้อยสอนรวย.  (เจนจิรา เสรีโยธิน, ผู้แปล).  [ม.ป.ท.]: บี
       มีเดีย.


Tate, Marsha. Ann.  (2010).  Web wisdom: How to evaluate and create information quality on the
       web.  2nd ed.  Boca Raton, FL: CRC Press.






วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

งาน QR Code

http://www.mediafire.com/?mam552g3xxm

                                         

เพลงประกอบ"แวมไพร์ ไดอะรี่ " ตอน 1

เพลง : never say never
ศิลปิน : the fray
เนื้อเพลง :

Some things we don't talk about
Rather do without
Just hold the smile
Falling in and out of love
Ashamed and proud of
Together all the while
You can never say never
Why we don't know when
Time and time again
Younger now then we were before
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Picture you're the queen of everything
Far as the eye can see
Under your command
I will be your guardian
When all is crumbling
Steady your hand
You can never say never
Why we don't know when
Time and time again
Younger now than we were before
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
We're pulling apart
And coming together again and again
We're growing apart
But we pull it together
Pull it together, together again
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go
Don't let me go

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แบบฝึกหัดค่ะ ( Kung Fu Panda )

1. ประโยคหรือสำนวนดีๆ จากภาพยนตร์
ตอบ  เมื่อวานนี้เป็นประวัติศาสตร์ในวันพรุ่งนี้เป็นปริศนา แต่วันนี้เป็นของขวัญ นั่นคือเหตุผลที่เรียกว่า"ปัจจุบัน"

2. ข้อคิดที่ได้รับ จากภาพยนตร์
ตอบ  ความพยายามอยู่ที่ไหน  ความสำเร็จอยู่ที่นั้น
3. ตัวละครที่ชอบมากที่สุด พร้อมเหตุผลประกอบ
ตอบ  ชอบโพ เพราะโพ มีความฝันที่ยิ่งใหญ่และเขาสามารถทำได้  แม้บางครั้งเขาจะอ่อนแอบ้างท้อบ้าง  แต่เขาก็พยายามในสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองทำไม่ได้จนสำเร็จได้ในที่สุด  นอกจากนี้โพยังเป็นตัวละครที่น่ารักมาก  อ้วนกลมดูแล้วช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ค่ะ
4. คำแปลข้อความภาษาอังกฤษข้างบน
ตอบ
  • One often meets his destiny on the road he takes to avoid it.
  • หนึ่งมักจะพบกับเส้นทางแห่งชะตากรรมของเขา  เขาใช้เวลาเพื่อหลีกเลี่ยงมัน


  • To make something special you just have to believe it's special.
  • เพื่อให้สิ่งที่พิเศษคุณเพียงแค่ต้องเชื่อว่ามันพิเศษ


  • Enough talk, let's fight!
  • อย่าย้อมแพ้,ต่อสู้!


  • There is no such thing as level zero.
  •  ไม่มีสิ่งใดเป็นศูนย์


  • I've been proud of you. And it was my pride that blinded me.
  •  ฉันได้รับความภาคภูมิใจของคุณ และมันก็เป็นความภาคภูมิใจของฉันที่ฉันตาบอด


  • Well done, students...*if* you were trying to disappoint me.
  • ดี,ถ้านักเรียน ...* * * * * พยายามก็จะไม่ผิดหวัง


  • You may wish for an apple or an orange, but you will get a peach.
  • คุณอาจต้องการแอปเปิ้ลหรือส้ม แต่คุณจะได้รับพีช

  • Yesterday is history, tomorrow is a mystery, but today is a gift. That is why it is called the "present"
  • เมื่อวานนี้เป็นประวัติศาสตร์ในวันพรุ่งนี้เป็นปริศนา แต่วันนี้เป็นของขวัญ นั่นคือเหตุผลที่เรียกว่า"ปัจจุบัน"


  • Your mind is like this water, my friend. When it is agitated, it becomes difficult to see. But if you allow it to settle, the answer becomes clear .
  • เพื่อนของฉัน ,จิตใจเป็นเหมือนน้ำ .เมื่อตื่นเต้นมันจะกลายเป็นยากที่จะเห็น แต่ถ้าคุณให้มันไปเพื่อชำระคำตอบก็จะชัดเจน

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทดสอบค่ะ

มาตรฐานเว็บนักศึกษา
  • ตั้งชื่อเว็บโดยขึ้นต้นด้วย IL254คาบเรียน-ชื่อจริง (ภาษาอังกฤษ)
  • เมนูด้านข้างต้องประกอบด้วย Gadget ต่อไปนี้ คือ ข้อความแนะนำตัว, ลิงก์ และป้ายกำกับ โดยให้ข้อความแนะนำตัวขึ้นเป็นรายการแรก
  • ภายใต้ Gadget ลิงก์ ให้มีลิงก์ของเว็บต่อไปนี้ คือ เว็บอาจารย์, Mediafire, GooleDocs, Ckassmarker
  • แก้ไขโปรไฟล์โดยการใส่ภาพถ่าย 
  • ห้ามโพสต์ภาพและข้อความที่ไม่เหมาะสม
  • การ Copy ภาพและข้อความจากเว็บอื่น  ให้ระบุที่มาและ Copy ลิงก์ของเว็บต้นแหล่งมาไว้ให้ทราบด้วย